กิจกรรม(Activity)

กิจกรรม(Activity)

    1.  สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
ตอบ ทฤษฎีหลักสูตร แนวคิด รูปแบบ ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรของนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศ
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของไทเลอร์ 
  มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 4 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร 2. ขั้นกลั่นกรองข้อมูล  3. ขั้นเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ และ 4. ขั้นการประเมิน 
1. ขั้นกำหนดจุดประสงค์ของหลักสูตร
  
    เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ซึ่งได้มาจาก ผู้เรียน สังคม เนื้อหา  เช่น ข้อมูลผู้เรียน ข้อมูลสังคม ข้อมูลเนื้อหาสาระวิชา ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตของผู้สอน การสัมภาษณ์ผู้เรียน ผู้ปกครอง ข้อมูลจาก แบบสอบถามและทดสอบของผู้เรียน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ได้นำไป กำหนดจุดประสงค์ประสงค์ จากนั้น ต้องนำข้อมูลทางสังคมและข้อมูลจากท้องถิ่นชุมชนมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดความจำเป็นในการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนด้วย 
2. ขั้นการกลั่นกรอง 
     มีความจำเป็นที่ต้องใช้พื้นฐานทางด้านปรัชญา และจิตวิทยามาร่วมด้วย ในด้านปรัชญานั้น ผู้สอนควรนำทั้งปรัชญาทางสังคมและปรัชญาทางการศึกษา มาพิจารณาด้วย ซึ่งควรคำนึงถึงพื้นฐานความเป็นมนุษย์ในแต่ละคน ไม่มีข้อจำกัดทางเชื้อชาติ สัญชาติ หรือฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม  การมีโอกาสในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของสังคม การให้การสนับสนุนของการเปลี่ยนแปลงมากกว่ามุ่งการตอบความต้องการส่วนบุคล ปัญหาสำคัญต่างๆ ขึ้นอยู่กับความเชื่อ และสติปัญญา มากกว่าขึ้นกับอำนาจรัฐหรือผู้มีอำนาจ ส่วนพื้นฐานทางจิตวิทยา  ซึ่งไทเลอร์ใช้ในการกำหนดกำหนดกรอบโครงสร้างของกระบวนการเรียนรู้อีกด้วย ซึ่งความรู้ทางจิตวิทยานี้สามารถช่วยให้เรามีความคิดเห็นที่แตกต่างในจุดหมายที่เป็นไปได้ในระยะเวลาที่ยาวนาน อีกทั้งยังช่วยให้ความคิดบางอย่างบรรลุผลตามจุดประสงค์ในระยะเวลาที่มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุ 
3. ขั้นเลือกประสบการการเรียนรู้ 
     หลังจากมีการกำหนดวัตถุประสงค์ การกลั่นกรองข้อมูลแล้ว ไทเลอร์ได้ให้คำแนะนำการ เลือกประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นการบูรณาการประสบการณ์ที่จะช่วยพัฒนาผู้เรียนในด้านต่างๆ เช่น ด้านการคิด ความสนใจ สังคม เป็นต้น 
4. ขั้นการประเมินผล 
     เป็นขั้นประเมินว่าในประสบการณ์จัดการเรียนรู้นั้น บรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ 
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของทาบา 
มีอยู่
 7 ขั้นตอน ดังนี้ 
          1.  การวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น เป็นการวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้เรียน สภาพปัญหาต่างๆ กระบวนการในการเรียนรู้ เป็นต้น 
          2. การกำหนดวัตถุประสงค์ เมื่อเราได้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ปัญหาต่างๆแล้ว เราก็นำมาเป็นแนวทางในการกำหนดวัตถุประสงค์ 
           3. การเลือกเนื้อหาสาระ ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ อีกทั้ง  คำนึงถึงผู้เรียนด้วย 
          4. การจัดการเกี่ยวกับเนื้อหาสาระ เมื่อมีการคัดเลือกเนื้อหาสาระแล้ว ก็นำมาจัดลำดับให้เป็นระบบ 
          5. การเลือกประสบการณ์ในการเรียนรู้  ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้และคำนึงถึงถึงความเหมาะสม
          6. การจัดการเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้  เป็นการจัดลำดับ ขั้นตอนอย่างเป็นระบบ 
          7. การตัดสินใจว่าจะประเมินอะไรและวิธีการประเมิน ทำให้เราทราบว่าเนื้อหารายวิชามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน การพัฒนาหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากเพียงใด 
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของเซเลอร์ อเล็กซานเดอร์ และเลวิส ประกอบไปด้วย 4ขั้นตอน คือ 
          1. จุดหมาย  วัตถุประสงค์และขอบข่ายที่ต้องการพัฒนา  เริ่มจากการกำหนดจุดหมายสำคัญของหลักสูตร กำหนดวัตถุประสงค์ ที่ต้องการให้ประสบผลสำเร็จ ก่อนการกำหนดจุดหมาย วัตถุประสงค์เราจะพิจารณาจาก ตัวแปรภายนอก เช่น กฎหมาย ผลการวิจัย สมาคมวิชาชีพ แนวทางนโยบายแห่งรัฐ นอกจากนี้ควรพิจารณา พื้นฐานของหลักสูตร ได้แก่สังคม ผู้เรียน แลละความรู้ 
          2. การออกแบบหลักสูตร ผู้ออกแบบหลักสูตรควรคำนึงถึง ธรรมชาติของวิชา รูปแบบของสถาบันทางสังคมที่สำพันธ์กับความสนใจของผู้เรียน อีกทั้งพิจารณาเลือกเนื้อหาสาระ และประสบการณ์จัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 
          3. การนำหลักสูตรไปใช้ หลังจากการออกแบบหลักสูตรแล้ว ผู้สอนจะมีการวางแผนและจัดทำแผนการสอน รวมทั้งสื่อ วัสดุ เทคโนโลยีต่างๆ เลือกยุทธวิธีการสอนต่างๆ นำไปใช้ในชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ 
          4. การประเมินหลักสูตร เป็นขั้นที่นักวางแผนและผู้สอนร่วมกันประเมิน โดยมีวิธีที่หลากหลาย เพื่อสามารถทำให้ทราบว่าการนำหลักสูตรไปใช้ มีการสัมฤทธิ์ผลมากเพียงใด
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรของวิชัย วงษ์ใหญ่ 
          เป็นแบบจำลองการพัฒนาหลักสูตรแบบครบวงจร ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบการร่างหลักสูตร ระบบการใช้หลักสูตร  และระบบการประเมิน ทั้งสามระบบนี้มีความสอดคล้องกัน ซึ่งในการพัฒนาหลักสูตรนั้น จะมุ่งเน้นไปทางระบบใดระบบหนึ่งไม่ได้ เพราะจะทำให้การพัฒนาหลักสูตรไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ควรพัฒนาไปพร้อมๆกัน  มีการวางแผนให้เป็นการพัฒนาที่ครบวงจร 
ขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรมีดังนี้
 
          1. คณะกรรมการการพัฒนาหลักสูตรกำหนดจุดมุ่งหมาย โดยใช้ข้อมูลจากสภาพปัญหาและความต้องการของสังคม
          2. ยกร่างเนื้อหาสาระ แต่ละกลุ่มประสบการณ์ โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา กำหนดผลการเรียนรุ้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม แผนจัดการเรียนรู้และสื่อ กิจกรรมการเรียนการสอนรายกลุ่มและรายบุคคล 
          3. ทดลองใช้หลักสูตรในสถานศึกษานำร่อง โดยคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรกำหนดไว้ ถ้ามีข้อบกพร่อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 
          4. อบรมผู้สอน ผู้บริหารทุกระดับ บุคลากรทางการศึกษาให้เข้าใจหลักสูตรใหม่ เพื่อนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ตรงตามวัตถุประสงค์ 
          5. การปฏิบัติการสอน เป็นการสนับสนุนให้ผู้บริหารและผู้สอน นำหลักสูตรไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษาต่อไป 
แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร SU Model



แบบจำลอง SU Model นี้ ได้แนวคิดมาจาก สามเหลี่ยมมุมมน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดย มล.ปิ่นมาลากุล อธิการบดี และรักษาการคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ได้ให้แนวนโยบายพัฒนานักศึกษาทั้ง สามด้าน คือ จริยศาสตร์ เกี่ยวกับการอบรมทางศีลธรรม  ด้านพุทธิศึกษา ให้ปัญญาความรู้ และ ด้านพลศึกษา เป็นการฝึกร่างกายให้แข็งแรง สำหรับเป้าหมายทางการศึกษา คือ การมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเก่ง ดี และมีความสุข ซึ่งในการพัฒนาหลักสูตร ได้ให้ความสำคัญกับทั้งสามด้าน คือ ด้านปรัชญาการศึกษา ด้านจิตวิทยา และด้านสังคม จึงนำไปสู่สามเหลี่ยมการพัฒนาหลักสูตรซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  
สามเหลี่ยมแรกเป็นการวางแผนหลักสูตร การกำหนดจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ชัดเจน เมื่อประมวลออกมาแล้ว จะได้เป็นวิสัยทัศน์ เปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะชี้นำไปสู่จุดมุ่งหมาย สามเหลี่ยมที่สองเป็นการออกแบบ ซึ่งจะนำจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตรมาสร้างกรอบในการปฎิบัติ การออกแบบหลักสูตรก็เพื่อให้มีการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์ที่ตอบสนองจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร นั้นคือ พันธกิจ
สามเหลี่ยมรูปสาม การจัดระบบหลักสูตร เพื่อตอบสนองการวางแผนหลักสูตร ซึ่งเป็นขั้นตอนการเขียนแผนการสอนที่จะทำให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง การจัดหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ รวมถึง กระบวนการบริหารที่สนับสนุนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การนิเทศการศึกษา การนิเทศการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร 
         สามเหลี่ยมรูปที่สี่ การประเมินเป็นการประเมินทั้งระบบหลักสูตร และผลการเรียนรู้ตามหลักสูตร นอกจากนี้การประเมินผู้เรียนหลังการสอน จะเป็นการช่วยพัฒนาผู้เรียนและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบการประเมิน เช่น การประเมินแบบรูบิค การประเมินพฤติกรรมผู้เรียนจากการสังเกตการณ์เข้ากลุ่ม การร่วมทำกิจกรรม นอกจากจะประเมินความรู้แล้วยังประเมินความสุขของผู้เรียนอีกด้วย
2.        ศึกษาทำความเข้าใจเพิ่มเติมจาก สุเทพ อ่วมเจริญ การพัฒนาหลักสูตร : ทฤษฎีและการปฏิบัติ “การพัฒนาหลักสูตร : แบบจำลองการพัฒนาหลักสูตร
ตอบ
1. ศึกษาแนวคิดการจัดหลักสูตร รูปแบบต่างๆ
          แนวคิดการจัดหลักสูตร ได้แก่
                   แกลทธอน (Glatthorn, 2009) การจัดระบบหลักสูตร หรือการจัดการหลักสูตร มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ประกอบด้วย
                1) การนิเทศหลักสูตร (Supervising the Curriculum)
                2) การพัฒนาหลักสูตร และการนำหลักสูตรไปใช้ (Development and Implement)
                3) การจัดลำดับเนื้อหาหลักสูตร (Aligning the Curriculum)
                4) การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation)
                ออร์นสไตน์ และฮันกิน (Ornstein and Hunkins, 1993 : 233) การจัดระบบหลักสูตร(Curriculum Organization) หมายถึง การจัดโครงสร้างของส่วนประกอบ ของหลักสูตร 4 ส่วน คือ เป้าหมาย จุดหมาย และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร เนื้อหาสาระ กิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผล
                เฮนเสน (Hensen, 2001 : 199-201) การจัดระบบหลักสูตรที่ดีต้องมีหลักในการพัฒนา 6ประการ คือ
          1. การกำหนดขอบข่ายของหลักสูตร
                ขอบข่ายของหลักสูตร (Scope) หมายถึง การกำหนดเนื้อหา สาระการเรียนรู้ หัวข้อ ประเด็นสำคัญต่างๆ แนวคิด ค่านิยม หรือคุณธรรมที่สำคัญ สำหรับผู้เรียนในรายวิชาต่างๆ ของหลักสูตร แต่ละระดับชั้น การจัดหลักสูตรให้มีความต่อเนื่องในแนวนอน ที่เรียกว่า horizontal organizationดังนี้
                1) วุฒิภาวะ ประสบการณ์ และความสามารถของผู้เรียน
                2) ความยากง่ายของธรรมชาติในสาขาวิชา หรือเนื้อหาวิชา
                3) ความทันสมัย และความเป็นสากลของเนื้อหาวิชา
                4) ความสมดุลระหว่างความกว้าง ความลึกของเนื้อหาวิชา
                5) คุณค่าของเนื้อหา ที่ผู้เรียนจะนำไปใช้
          2. การจัดลำดับการเรียนรู้
                การจัดลำดับการเรียนรู้ (sequence) หมายถึง การจัดลำดับก่อนหลังของเนื้อหา สาระการเรียนรู้ หัวข้อประเด็นที่สำคัญต่างๆ ให้แก่ผู้เรียนได้เรียนรู้ไปตาม วัย วุฒิภาวะ และพัฒนาการทางสติปัญญา การจัดลำดับการเรียนรู้ จึงเป็นมิติของการจัดหลักสูตร ให้มีความต่อเนื่องในแนวตั้ง ที่เรียกว่า vertical organization การจัดลำดับการเรียนรู้
                1) การจัดลำดับการเรียนรู้จากสิ่งที่ง่ายไปสู่สิ่งที่ยากและซับซ้อน
                2) การจัดลำดับการเรียนรู้ จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่สิ่งที่อยู่ไกลตัว
                3) การจัดลำดับการเรียนรู้ จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมไปสู่สิ่งที่เป็นนามธรรม
                4) การจัดลำดับการเรียนรู้ จากสิ่งที่เป็นส่วนรวมไปสู่ส่วนย่อย หรือจากส่วนย่อยไปสู่ส่วนรวม
                5) การจัดลำดับการเรียนรู้ ตามลำดับความจำเป็น ที่ต้องเรียนก่อน-หลัง
                6) การจัดลำดับการเรียนรู้ ตามลำดับเหตุการณ์ หรือตามกาลเวลา
          3. ความต่อเนื่อง
                ความต่อเนื่องของหลักสูตร (continuity) หมายถึง การจัดเนื้อหา ประสบการณ์ การเรียนรู้ ทักษะต่างๆ ให้มีความต่อเนื่องตลอดหลักสูตร หลักสูตรที่ดีนอกจากมีการจัดขอบข่าย และลำดับการเรียนรู้ที่ดีแล้ว ยังต้องมีความต่อเนื่องของเนื้อหาที่เหมาะสมอีกด้วย
          4. ความสอดคล้องเชื่อมโยง
                การจัดหลักสูตรที่ดี ควรคำนึงถึง ความสอดคล้องเชื่อมโยง (articulation) ให้มีความต่อเนื่องกันของเนื้อหา ประสบการณ์การเรียนรู้ และทักษะที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน ทั้งมิติในแนวตั้ง และแนวนอน
          5. การบูรณาการ
                การบูรณาการ (integration) เป็นการจัดขอบข่ายเนื้อหา และประสบการณ์การเรียนรู้ ในหลักสูตรให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงในแนวนอน จากหัวข้อหนึ่งไปยังอีกหัวข้อหนึ่ง ของรายวิชานั้น หรือจากรายวิชาหนึ่ง ไปยังอีกรายวิชาหนึ่ง ที่มีความเกี่ยวข้องกัน         
          6. ความสมดุล
                หลักสูตรที่ดี นอกจากจะต้องคำนึงถึง การจัดขอบข่ายเนื้อหา และมีลำดับการเรียนรู้ที่ดีแล้ว ยังควรต้องพิจารณา ด้านความสมดุลของเนื้อหา (balance) ประสบการณ์การเรียนรู้ และทักษะของรายวิชาต่างๆ ความสมดุลระหว่างเนื้อหาสาระ กับวุฒิภาวะของผู้เรียน
2. ศึกษาเปรียบเทียบขั้นตอนการสอน แบบวิจัยเป็นฐาน และการสอนตามแนวคอนสตรัค
เปรียบเทียบขั้นตอนการสอนแบบวิจัยเป็นฐาน และแบบคอนสตรัค
                          แบบวิจัยเป็นฐาน
                              แบบคอนสตรัค
ขั้นที่ 1 กำหนดจุดหมายและจุดมุ่งหมายของหลักสูตร     
ขั้นที่ 1 การทำความรู้ที่มีอยู่ให้กระจ่างแจ้ง ผู้เรียนนั้นจะมีความคิดดั้งเดิม จึงต้องชักชวนให้ผู้เรียนปรับเปลี่ยนมโนทัศน์และยอมรับความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้อง
       กลยุทธ์สำหรับขั้นที่ 1
·        สัมภาษณ์ หรืออภิปรายกลุ่ม
·        แบ่งกลุ่มข้อมูล – เรียงลำดับข้อมูลตามลักษณะบางประการ
         จำแนกข้อมูล – จัดกลุ่มวัตถุโดยใช้ลักษณะทางคุณภาพหรือปริมาณ
·        แผนผังมโนทัศน์ – ระดมสมองที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหลัก
·        เหตุการณ์ที่ขัดแย้ง – เหตุการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล
ขั้นที่ 2 กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของแต่ละหน่วย และ แต่ละบทเรียน
ขั้นที่ 2 การระบุ การได้รับและการเข้าใจข้อมูลใหม่
        การวางแผนแบบร่วมกัน : การวางแผนเครื่องมือที่สร้างแรงจูงใจที่เข้มแข็ง
·        ผู้เรียนได้รับข้อมูลว่าจะต้องเรียนรู้อะไรจากหัวข้อบ้าง
      อภิปรายเป็นกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องเรียนรู้ : หาขอบข่ายสาระสำคัญในเรื่องที่เรียนรู้
      กลยุทธ์สำหรับขั้นที่ 2
·        นักจัดการขั้นสูง – ข้อมูลใหม่เชื่อมโยงเข้ากับความรู้เก่าที่มีอยู่แล้วได้อย่างไร
·        การรู้คิด – ผู้เรียนกำกับติดตามการเรียนรู้ด้วยตนเอง
              -  ผู้เรียนเป็นผู้นำในการเรียนรู้ดัวยตนเอง
·        เทคนิควิทยาศาสตร์
 - ใช้กิจกรรมเป็นฐานประกอบคำอธิบาย
 - ตัดสินใจด้วยตนเอง
 - ปรัชญาส่วนบุคคล การใช้ความคิดอุปมาอุปมัย
 - ใช้แนวคิดที่คุ้นเคยนำแนวคิดอุปมาอุปมัยมาใช้
ขั้นที่ 3 พัฒนาแผนการสอน/แผนการจัดการเรียนรู้
             - ออกแบบกลวิธีการสอน
             - กำหนดคุณลักษณะเฉพาะเครื่องมือประเมิน
             - การออกแบบ หรือเลือกเครื่องมือประเมิน
ขั้นที่ 3 การยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
         ผู้เรียนได้รับข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้ :ความรู้ใหม่ที่สร้างขึ้น จากการมีสัมพันธ์ทางสังคม
·        ความรู้ถูกทำให้กระจ่างและยืนยันความถูกต้อง เมื่อผู้เรียนนำความรู้ใหม่ไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์
·        ความรู้ที่ได้รับจะถูกปรับแต่งตามข้อมูลย้อนกลับที่ได้รับ
        กลยุทธ์สำหรับขั้นที่ 3
·       การเรียนรู้แบบร่วมมือ สร้างและออกแบบโมเดล
·       การทดลอง/ออกแบบและเทคโนโลยี:ใช้สืบเสาะหาความรู้เป็นฐาน
·       วิธีการแบบบูรณาการ:สร้างความเชื่อมโยงหัวข้อคำถามกับแนวคิดอื่น
·        สาขาวิชา(แนวคิดหลัก)ประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงสอดคล้อง
ขั้นที่ 4 การเรียนการสอน/การเรียนรู้
            1. วิเคราะห์จุดมุ่งหมายในการเรียนรู้
            2. การวางแผนการเรียนรู้
            3. การพัฒนาทักษะการเรียนรู้
            4. การสรุป/การวิพากษ์ความรู้
            5. การประเมินการเรียนรู้
ขั้นที่ 5 การประเมินการเรียนรู้
            - ประเมินระหว่างสอน
            - ประเมินหลังสอน
3. นำเสนอแผนการจัดการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สนใจ
แผนการจัดการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ ศาสนากับสังคม                                      มัธยมศึกษาปีที่ 1
เรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ                                เวลา 1ชั่วโมง
สาระ/สำคัญความคิดรวบยอด
          การเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในแต่ละศาสนา เพื่อให้รู้และเข้าใจหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ อันนำมาสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข
 จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนรู้และเข้าใจหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
2. นักเรียนสามารถบอกได้ว่าการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ต่างๆเหมาะสม/ไม่เหมาะสมกับหลักการปฏิบัติตนทางศาสนา
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
สาระการเรียนรู้
หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการคิด
 - ทักษะการคิดวิเคราะห์
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- กระบวนการปฏิบัติ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน
ชิ้นงาน
ภาระงาน : อภิปรายกลุ่ม เรื่องความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
การวัดและประเมินผล
ประเด็นการประเมิน
วิธีการวัด
เครื่องมือที่ใช้วัด
เกณฑ์การประเมิน
1. นักเรียนรู้และเข้าใจหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
ทำแบบทดสอบ
แบบทดสอบ
นักเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆที่ถูกต้องและเหมาะสม
2. นักเรียนสามารถบอกได้ว่าการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ต่างๆเหมาะสม/ไม่เหมาะสมกับหลักการปฏิบัติตนทางศาสนา
กิจกรรม
สถานการณ์สมมติ
นักเรียนบอกได้ว่าการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ต่างๆเหมาะสม/ไม่เหมาะสมกับหลักการปฏิบัติตนทางศาสนา
3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
อภิปรายกลุ่ม
แบบประเมินกิจกรรมกลุ่ม
นักเรียนวิเคราะห์ความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆได้
4. นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน
สังเกตพฤติกรรม
แบบสังเกตพฤติกรรมนักเรียน
นักเรียนร้อยละ80 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์คือ มีระเบียบวินัยในตนเอง ทำงานส่งตรงเวลา มีความใฝ่เรียนรู้ในการเรียน และมุ่งมั่นทำงานที่ได้รับมอบหมาย

กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูทักทายนักเรียน
2. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยการนำบัตรภาพ เรื่อง ความแตกต่างของแต่ละศาสนา เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละศาสนา
ขั้นสอน
1. ครูสอบถามผู้เรียนเกี่ยวกับหลักปฎิบัติตนในศาสนาต่างๆที่นักเรียนรู้
2. ให้นักเรียนตั้งคำถามเกี่ยวกับเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆที่นักเรียนต้องการรู้
3. ครูบรรยายเรื่องเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ โดยใช้ ป้ายนิเทศเรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 5-6 คน ครูถามคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามสถานการณ์ต่างๆว่าเหมาะสม/ไม่เหมาะสม อย่างไร
5. ถ้านักเรียนกลุ่มใดต้องการตอบคำถามในข้อนี้ให้ยกป้ายเลขกลุ่ม หากตอบถูกจะได้รับคะแนน 1 คะแนน หากตอบผิด จะหมดสิทธิ์ตอบในข้อนั้น
6. เมื่อครูถามคำถามหมดทุกคำถาม ให้แต่ละกลุ่มรวมคะแนน กลุ่มใดได้คะแนนมากที่สุดเป็นผู้ชนะ และได้รับรางวัลจากครูผู้สอน
7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
8. ครูสรุปความจำเป็นในการเรียนรู้หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ 
9. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบ เรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
10. ครูและนักเรียนช่วยกันตรวจแบบทดสอบเรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
ขั้นสรุป
11. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปหลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
12. ครูให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย
สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้
1. บัตรภาพ เรื่อง ความแตกต่างของแต่ละศาสนา
2. ป้ายนิเทศเรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ
3. แบบทดสอบเรื่อง หลักการปฏิบัติตนในศาสนาต่างๆ